food

Eat Clean - สุขภาพดีแบบมนุษย์ยุคหิน

"อะไรที่ไม่ได้งอกจากดิน อะไรที่ขยับไม่ได้ อาจไม่ดีต่อเรา"

Clean Diet คือการเลือกกินอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมาน้อยที่สุด หรืออีกนัยหนึ่งคือยิ่งอยู่ในรูปธรรมชาติมากเท่าไรยิ่งดี หมายความว่าให้หลีกเลี่ยง อาหารฟาสฟูด อาหารที่อยู่ในกล่องบรรจุภัณฑ์ทั้งหลาย และเลือกที่จะกินอาหารสดตามธรรมชาติแทน พูดง่ายๆว่าอะไรที่หลายพันปีก่อนยังไม่มี อะไรที่ไม่ได้งอกจากดิน ไม่ได้เดินบนบกหรือไม่ได้ว่ายอยู่ในน้ำ ให้ตัดออกให้หมด อาหารที่เหมาะกับร่างกายของเราคืออาหารที่บรรพบุรุษมนุษย์กินกันมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน นั่นคือ ข้าว ถั่ว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และจำกัดการรับประทานอาหารแปรรูปทั้งหลายเช่น ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม โคล่า ขนมปัง แฮมเบอร์เกอร์ หมูยอ ไส้กรอก ให้เหลือน้อยที่สุด

clean-vs-process.jpg

เหตุผลในการกิน Clean Diet

คุณผู้อ่านทราบไหมครับ ว่ามนุษย์เรานั้น อยู่บนโลกนี้มานานเท่าไร.. นักโบราณคดีเชื่อว่าเราถือกำเนิดบนโลกที่ทวีปแอฟริกาเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่แล้วครับ มนุษย์สมัยเมื่อแสนปีที่แล้วก็มีหน้าตาและโครงสร้างทางร่างกายคล้ายๆเรานี่แหละ และแน่นอนว่าสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องทำวาฟเฟิล ดังนั้นอาหารหลักของเราคือ หัวมัน ถั่ว ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้.. จนถึงเมื่อประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว มนุษย์ก็เริ่มรู้จักการทำเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ไว้กิน เราเริ่มปลูกข้าว ทำฟาร์ม มนุษย์พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆจนกระทั่งมีการปฏิวัตอุตสาหกรรมเมื่อประมาณ  200 กว่าปีที่แล้ว และกว่า 70% ของอาหารขยะที่เรากินกันในปัจจุบันนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาในช่วง 200 ปีหรือเพียงแค่ 4 ชั่วอายุคนเท่านั้น

egypt_canvas.jpg

จริงๆไม่ต้องย้อยไปไกลเลย ลองถามคุณตาคุณยายของคุณว่าสมัยก่อนเค้ากินอะไรเป็นอาหาร ตัวผมเองเป็นคนเชียงใหม่ คุณแม่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กๆไม่มีหรอก โดนัท พิซซ่า นัตเก็ตไก่ จะมีก็แต่เก็บผักรอบรั้วบ้านมาแกง ไก่ก็ฆ่าเอามากิน ข้าวก็กินที่ปลูกกันเอง (จริงแล้วดีมาก เพราะสดใหม่แล้วยังปลอดสารพิษอีกด้วย)

ะบบย่อยอาหารของมนุษย์ถูกออกแบบให้เหมาะกับอาหารจากธรรมชาติมาเป็นพันเป็นหมื่นปี แต่เพียงเมื่อไม่ถึงสองร้อยปีมานี้ มนุษย์ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกินไปจนหมดสิ้น ปัจจุบันเรากินอะไรกัน? ข้าวกล่องแช่แข็ง ขนมถุงที่อยู่ได้เป็นปีๆไม่เน่าไม่เสีย ไส้กรอก เค้กหวานๆที่คิดค้นกันใหม่ขึ้นทุกวัน เรากินอาหารที่ถูกแปรรูปจนบางครั้งบอกไม่ได้ว่าวัตถุดิบมันคืออะไรเสียด้วยซ้ำ

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันเป็นมะเร็งกันตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ ทุกวันนี้เรากินอาหารที่กลไกระบบย่อยอาหารที่ฝังอยู่ใน DNA ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อน อาหารที่ถูกแปรรูปส่วนมากนั้นถูกดึงเอาสารอาหารที่จำเป็นเช่น วิตามิน แร่ธาตุ ออกไปจนหมด จนเราได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ เราจึงต้องกินวิตามินเสริมกันอย่างทุกวันนี้ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีวิตามินมากมายเช่นข้าวกล้อง เราก็นำมาเอาเปลือกออก ยังไม่พอยังนำไปป่นจนเป็นผงแป้งผ่านเตาอบเพิ่มน้ำตาล เพิ่มครีมเข้าไปอีก สุดท้ายไม่เหลืออะไรนอกจากก้อนแคลอรี่ที่แม้จะกินเพียงคำเดียวก็ทำให้ระดับอินซูลินในกระแสเลือดพุ่งกระฉูดจนคนเป็นเบาหวานกันมากขึ้น

scale-apple-chips.jpg

ดังนั้นเพื่อตัวเราเองเราลองหันกลับมาใส่ใจกับอาหารที่ร่างกายของเราคุ้นชินกันมาเป็นพันเป็นหมื่นปีกันเถอะครับ ถ้าคุณเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการคุณก็ควรจะเชื่อว่าร่างกายเราปรับตัวมาอย่างยาวนานและดึงประโยชน์จากอาหารที่กินกันมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษได้ดีที่สุด คุณคงไม่เอาเค้กกล้วยหอมให้ลิงกินแทนกล้วยใช่ไหมครับ แล้วทำไมถึงเอาอาหารสังเคราะห์ที่ร่างกายของเราไม่รู้จักใส่ในร่างกายตัวเองล่ะครับ?

วิธีการเลือกอาหารแบบ Clean Diet

  • ทานอาหารที่อยู่ในรูปใกล้เคียงธรรมชาติให้มากที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่เติมสารปรุงสารสังเคราะห์ทางเคมี เช่น เลือกกินเนื้อหมูย่างแทนที่จะกินไส้กรอกหรือหมูยอ เลือกกินข้าวกล้องแทนที่จะกินข้าวขาวหรือขนมปังขัดขาว
  • ลด หวาน มัน เค็ม อาหารที่มีรสชาติทั้งสามส่วนมากทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักกว่าปกติ
  • งดน้ำผลไม้กล่อง น้ำอัดลม ทานผลไม้สด ผักสดแทน เพราะน้ำผลไม้กล่องนอกจากจะมีน้ำตาลสูงมากแล้วยังมักจะถูกเติมสารกันบูดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์อยู่ได้นานขึ้นด้วย
  • พยายามซื้ออาหารจากตลาดสดถ้าเป็นไปได้ เพราะจะได้ผัก เนื้อ ที่สดวันต่อวัน (การซื้อในห้างอาจจะถูกเก็บมานานหลายวัน)
  • ทานเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อจริงๆ ไม่ใช่ อยู่ในรูปที่ถูกเปลี่ยนไป เช่น ลูกชิ้น ไส้กรอก แฮม แหนม เพราะเนื้อสัตว์แปรรูปถูกใส่สารเคมีต่างๆเช่น สารกันบูด สีผสมอาหาร ผงชูรส และยังมักจะมีไขมันอยู่เป็นจำนวนมากกว่าเนื้อปกติ
  • งดขนม ครีม ไอศกรีม เค้ก อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารพวกนี้มีน้ำตาลมากกว่าอาหารในธรรมชาติหลายต่อหลายเท่า ระบบย่อยอาหารของเราไม่คุ้นเคยกับอาหารประเภทนี้ ทำให้ตับอ่อนทำงานหนักกว่าปกติ
  • ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว น้ำช่วยชะล้างสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป

ประโยชน์จาก Clean Diet

1. ฟื้นฟูระบบการดูดซึมและย่อยอาหาร

อาหารแบบ Clean Diet มีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยมากมาย มันช่วยลดการอักเสบและทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น อาหารที่มีกากใยยังช่วยดึงเอาของเสียที่ติดอยู่ตามผนังลำไส้ออกจากร่างกายได้ดี

2. ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ

อาหารแปรรูปนั้นเต็มไปด้วยสารเคมีที่ทำให้อาหาร อร่อย คงทน ดูน่าทาน ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ส่วนมากเพิ่งถูกสร้างมาไม่ถึงร้อยปี เราไม่รู้ว่ามันจะมีโทษต่อร่างกายมนุษย์ขนาดไหนเพราะเราเป็นเสมือนหนูทดลองรุ่นแรก (ยังไม่รวมแพจเกจในปัจจุบันที่ส่วนมากใช้พลาสติกซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง) นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงมีโรคที่คนสมัยก่อนไม่เคยเป็นเกิดขึ้นมามากมาย การปรับโภชนาการให้กลับสู่ธรรมชาติให้มากที่สุดนั้นจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเหล่านี้ลงได้

3. ลดน้ำหนัก

คาร์บโบไฮเดรตในรูปธรรมชาติส่วนมากเป็นแบบเชิงซ้อน คือจะค่อยๆปล่อยพลังงานให้เราทีละนิด ทำให้เป็นข้อได้เปรียบสำหรับผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนัก เพราะเมื่อร่างกายได้รับพลังงานอยู่ตลอดเวลาก็จะไม่รู้สึกหิว ลองสังเกตดูว่าเรามักจะหิวง่ายหลังจากทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างขนมและเค้ก เนื่องจากอาหารพวกนี้อยู่ในรูปคาร์โบไฮเดรตที่เล็กมากๆ ทำให้ถูกย่อยและหมดไปอย่างรวดเร็ว หลังจากกินไปเพียงไม่นานก็รู้สึกหิวใหม่แล้ว ดังนั้นผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจึงควรทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง (นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมนูลดความอ้วนส่วนมากจึงมีผักเป็นส่วนประกอบ) เพราะผักช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาล เราจึงไม่หิว ไม่ทรมานจนต้องหาของว่างมากิน ทำให้เราได้รับแคลอรี่โดยรวมน้อยลงในหนึ่งวัน จึงช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ในที่สุด

สรุปการกินแบบ Clean Diet

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เวบมาสเตอร์ก็อยากที่จะเชิญชวนเพื่อนๆมากินแบบ Clean Diet กันให้บ่อยมากขึ้นนะครับ ไม่จำเป็นว่าจะต้องกินทุกมื้อ ซึ่งคงจะเป็นไปได้ยากสำหรับพวกเราที่ส่วนใหญ่ทำงานและต้องกินข้าวนอกบ้าน ถ้าทำได้ไม่ถึง 100% ก็ไม่เป็นไรหรอก เวบมาสเตอร์เองก็ทำไม่ได้ แค่พยายามปรับให้อาหารของเรา Clean ให้มากที่สุดที่เราทำได้ก็พอแล้ว จากที่เคยสั่งข้าวผัดไส้กรอก ก็เปลี่ยนเป็นข้าวผัดไก่ เริ่มจากจุดเล็กๆก่อน ผมการันตีว่าสุดท้ายแล้วคุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองในร่างใหม่ ระบบย่อยอาหารจะกลับมาทำงานได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง คุณจะรู้สึกกระปรี้ประเปร่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ง่วงระหว่างวัน สมองแจ่มใสขึ้นอย่างแน่นอนครับ

 

comments powered by Disqus